รู้หรือไม่? ลังกระจายสินค้า สีอะไร ใส่สินค้าประเภทไหน

รู้หรือไม่? ลังกระจายสินค้า สีอะไร ใส่สินค้าประเภทไหน

สีของลังกระจายสินค้า ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงาม หรือเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ เท่านั้น แต่เป็น มาตรฐานกลาง ของทั้งโรงงาน คลังสินค้า และสายการผลิต ที่ใช้บอกว่า ในลังนี้ควรใส่อะไร ปลอดภัยแค่ไหน และกำลังอยู่สถานะไหนในกระบวนการผลิต ดังนั้นเราจึงมักเก็นลักกระจายสินค้า ถูกผลิตออกมาให้เลือกหลากหลายสี และวันนี้เราจะมาหาคำตอบว่า ลังแต่ละสี ใส่สินค้า หรือ สิ่งของประเภทไหนบ้าง?

หลายโรงงานและคลังสินค้ามีลังกระจายสินค้าหลายสีเต็มพื้นที่ ทั้งแดง เหลือง น้ำเงิน เขียว ม่วง บางที่มีเทา ดำ ขาว ปนอยู่ด้วย แต่คำถามคือ ทุกคนในระบบเข้าใจตรงกันไหมว่า “สีอะไร ใส่อะไรได้บ้าง และห้ามใส่อะไรเด็ดขาด” หรือสุดท้ายกลายเป็นใช้แบบตามสะดวก ใครว่างก็หยิบสีไหนก็ได้มาใส่ให้มันจบ ๆ ไปจริง ๆ แล้ว การใช้สีบนลังกระจายสินค้า (RTPs / Reusable Transport Packaging) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ Visual Management สำหรับกำหนดการวางของ ที่ช่วยลดความผิดพลาด ลดการปนเปื้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของวัสดุ โดยมีทั้งมุมของ HACCP (ความปลอดภัยอาหาร), 5S / Lean (สถานะกระบวนการผลิต) และ กฎหมายด้านการจัดการของเสีย เข้ามาเกี่ยวข้องกันแบบซ้อนกันเป็นชั้นๆ

รหัสสีลังกระจายสินค้าในสายอาหาร: ใช้สีอะไรกันบ้าง?

ในอุตสาหกรรมอาหาร ระบบที่เข้ามากำกับเรื่องสีของภาชนะและลังเป็นหลักคือ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) เป้าหมายคือป้องกันการปนเปื้อนข้ามระหว่างวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงต่างกัน โดยเฉพาะเนื้อดิบ สัตว์ปีก อาหารทะเล สารก่อภูมิแพ้ และอาหารพร้อมบริโภค แม้จะไม่มี “กฎสากล” ตัวเดียวที่บังคับทุกโรงงานเหมือนกันหมด แต่มีกลุ่มแนวปฏิบัติที่ใช้กันเยอะ และถูกแนะนำโดยผู้ผลิตอุปกรณ์ food safety หลายราย สามารถสรุปการใช้สีแบบเข้าใจง่ายได้ประมาณนี้:
สีของลังกระจายสินค้า มักใช้ใส่สินค้าอะไร เหตุผลเชิงความปลอดภัย
สีแดง เนื้อแดงดิบ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อดิบกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงด้านจุลินทรีย์ จึงแยกสีให้เห็นชัด ๆ ไม่ให้ปนโซนอาหารพร้อมกิน
สีเหลือง สัตว์ปีกดิบ เช่น ไก่ เป็ด สัตว์ปีกมีความเสี่ยงเฉพาะ เช่น Salmonella จึงมักถูกแยกเป็นสีเฉพาะของตัวเอง
สีน้ำเงิน อาหารทะเล ปลา กุ้ง หอย หรือโซนโปรตีนจากทะเล ช่วยแยกโปรตีนจากทะเลออกจากเนื้อสัตว์บก ลดโอกาสปนเปื้อนข้ามระหว่างกลุ่มสินค้า
สีม่วง วัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ เช่น ถั่ว นม ปลา ถูกใช้เป็น “เขตสีม่วง” สำหรับสารก่อภูมิแพ้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้ามแบบเด็ดขาด
สีขาว อาหารพร้อมปรุง / พร้อมบริโภค เช่น เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์นม สินค้าที่ผ่านความร้อนแล้ว ใช้กับสินค้าที่ต้องสะอาดมาก ๆ เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์ และเป็นโซนที่ไม่ควรให้เนื้อดิบเข้าไปใกล้
ถ้าโรงงานใช้หลักการนี้ ลังกระจายสินค้าสีแดงก็ไม่ควรไปอยู่ในโซนเดียวกับลังสีขาว หรือสีม่วงไม่ควรไหลไปในโซนที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้เลย เพราะการใช้ผิดสีเพียงครั้งเดียวอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในมุมฟู้ดเซฟตี้ และนำไปสู่การเรียกคืนสินค้าได้

หลักการ 5S / Lean: สีเดียวกัน แต่บอกสถานะการผลิตได้

นอกจากสายอาหารแล้ว ในโรงงานผลิตทั่วไป ระบบ 5S และ Lean Manufacturing ก็นิยมใช้สีบนลังกระจายสินค้าเพื่อบอก “ลังนี้อยู่สถานะไหนในกระบวนการผลิต” เช่น เป็นวัตถุดิบ งานระหว่างทำ ของเสีย หรือสินค้าสำเร็จรูปแล้ว พร้อมออกจากโรงงาน ตรงนี้สีหลายสีซ้ำกับ HACCP แต่ความหมายคนละเรื่อง จึงต้องสื่อสารให้ทีมเข้าใจบริบทให้ชัดเจน เช่น ในสายอาหาร “สีแดง” แปลว่าเนื้อดิบเสี่ยงสูง แต่ในสายการผลิตทั่วไป “สีแดง” อาจหมายถึงสินค้าเสียก็ได้เช่นกัน

สีของลังกระจายสินค้า การใช้งาน (สาย 5S / Lean) ตัวอย่างประเภทสินค้าที่มักใส่
สีเหลือง วัตถุดิบ สินค้าที่ต้องระวัง หรือวัสดุอันตรายบางประเภท สารเคมีเบื้องต้น ชิ้นส่วนที่กำลังจะเข้าไลน์ผลิต หรือวัสดุที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
สีแดง ของเสีย Scrap ชิ้นงาน Defect หรือที่ต้อง Rework ชิ้นส่วนที่หลุดสเปก สินค้าที่ QC ไม่ผ่าน งานที่ต้องส่งกลับไปปรับแก้
สีเขียว สินค้าสำเร็จรูป พร้อมขายหรือพร้อมส่ง สินค้าแพ็กเสร็จ ตรวจคุณภาพเรียบร้อย รอจัดส่งออกจากคลัง
สีน้ำเงิน วัตถุดิบ หรือชิ้นงานระหว่างกระบวนการ (WIP) ชิ้นส่วนที่ประกอบแล้วบางส่วน รอขั้นตอนต่อไป เช่น ทำสี ประกอบเพิ่ม ทดสอบ
สีดำ/เทา พื้นที่จัดเก็บทั่วไป หรือภาชนะที่รอทำความสะอาด/ซ่อมบำรุง ลังกระจายสินค้าที่หมดรอบ ต้องพักรอซัก ล้าง ตรวจสภาพ หรือรอออกจากระบบ
หากใช้หลัก 5S อย่างจริงจัง ลังกระจายสินค้าสีเขียวจึงไม่ควรมีของเสียปะปนอยู่ และถ้าวันไหนเจอ “ลังสีแดง” อยู่ในโซนสินค้าสำเร็จรูปสีเขียว นั่นคือสัญญาณทันทีว่ากระบวนการ Set in Order และการควบคุมคุณภาพกำลังมีช่องโหว่

3. สีเดียวกัน ข้างนอกหมายถึงขยะ ข้างในโรงงานคือวัตถุดิบ

อีกชั้นหนึ่งที่มักทำให้คนใหม่ ๆ สับสนคือ มาตรฐานสีของถังขยะและการจัดการของเสียของหน่วยงานรัฐ เช่น ในหลายเมืองของสหรัฐฯ สีน้ำเงินแปลว่ารีไซเคิล สีเขียวหรือสีน้ำตาลคือขยะอินทรีย์ สีดำ/เทาคือขยะทั่วไป ถ้าเอาสีข้างนอกเข้ามาใช้ในโรงงานโดยไม่อธิบายดีๆ พนักงานบางส่วนจะ “ตีความเอง” ตามความเคยชินในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น โรงงานใช้ลังกระจายสินค้าสีน้ำเงินเก็บวัตถุดิบในระบบ 5S แต่พนักงานเคยชินกับถังขยะรีไซเคิลสีน้ำเงินจากเทศบาล บางครั้งจึงเผลอคิดว่า ลังสีน้ำเงินคือของที่ต้องเอาไปรีไซเคิลหรือจัดการทิ้ง ทั้งที่ในโรงงานมันคือวัตถุดิบที่มีมูลค่าจริง ๆ วิธีป้องกันคือ กำหนดโซนการใช้งานให้ชัดเจน แยกพื้นที่ของถังขยะตามมาตรฐานเทศบาลออกจากพื้นที่ลังกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์ของโรงงาน และเน้นเรื่องนี้ในโปรแกรมอบรมพนักงานใหม่ทุกครั้ง

สรุปง่าย ๆ: สีอะไร ใส่สินค้าประเภทไหน ให้เข้าใจตรงกัน

ถ้าต้องวางแนวทางแบบใช้งานได้จริงสำหรับโรงงานหรือคลังที่กำลังจะเริ่มใช้ลังกระจายสินค้าหลายสี แนะนำให้เริ่มจากคำถามสองข้อ:
  • องค์กรเน้นเรื่องอะไรที่สุด: ความปลอดภัยอาหาร, ประสิทธิภาพการผลิต, หรือการจัดการของเสียตามกฎหมาย
  • พนักงานส่วนใหญ่ทำงานในบริบทไหน: สายอาหาร สายยานยนต์ โลจิสติกส์ทั่วไป หรือผสมหลายอย่าง
จากนั้นค่อย “ล็อกคำแปลของสี” ให้ชัดในแต่ละบริบท เช่น สำหรับโรงงานแปรรูปอาหารที่เน้น HACCP มากที่สุด อาจกำหนดหลักง่าย ๆ ว่า:
สี ควรใช้ใส่สินค้าอะไร (แนะนำ) ข้อควรระวัง
แดง เนื้อแดงดิบ / สินค้าที่มีความเสี่ยงจุลินทรีย์สูง ไม่ควรนำเข้าโซนพร้อมบริโภค และไม่ใช้ใส่สินค้าที่จะออกจากโรงงานโดยตรง
เหลือง สัตว์ปีกดิบ หรือวัตถุดิบที่ต้องระวังเป็นพิเศษ อย่าให้ปนกับลังสีขาว/สีเขียวที่ใช้กับสินค้าสะอาดหรือสำเร็จรูป
น้ำเงิน อาหารทะเล / โปรตีนจากทะเล หรือ WIP ในสายผลิตทั่วไป สื่อสารให้ชัดว่าภายในโรงงาน หมายถึงอะไร ไม่ใช่ถังรีไซเคิลแบบชีวิตประจำวัน
ม่วง วัตถุดิบและสินค้า “มีสารก่อภูมิแพ้” ทุกชนิด ห้ามใช้ร่วมกับสินค้าอื่นที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ เพราะนี่คือจุดควบคุมวิกฤตของผู้แพ้อาหาร
ขาว อาหารพร้อมปรุง/พร้อมกิน เบเกอรี่ นม และสินค้าที่ผ่านการควบคุมแล้ว ลังสีขาวไม่ควรถอยกลับไปใช้ในโซนวัตถุดิบดิบอีก ป้องกันการย้อนกลับของการปนเปื้อน
เขียว สินค้าสำเร็จรูปพร้อมส่ง (กรณีระบบ 5S/Lean) ห้ามมีของเสียหรืองาน Defect ปะปน ถ้าเจอ แปลว่าระบบคัดแยกกำลังมีปัญหา
ดำ/เทา ภาชนะสำหรับของเสีย หรือลังที่รอทำความสะอาด/ซ่อมบำรุง ไม่ควรนำกลับมาใช้กับวัตถุดิบหรือสินค้าโดยตรงจนกว่าจะผ่านการล้างและตรวจสภาพ
เมื่อทุกสีมี “ความหมายชัดเจน” และถูกเขียนลงในมาตรฐานการทำงาน (SOP) พร้อมกับติดป้ายที่จุดใช้งาน และใส่เข้าไปในโปรแกรมอบรมพนักงานใหม่ ลังกระจายสินค้าก็จะไม่ใช่แค่กล่องใส่ของ แต่เป็นเครื่องมือควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย นอกเหนือจากการช่วย ลดความเสียหาย ระหว่างขนส่ง เพื่อเพิ่ม Margin ให้กับ บริษัท หรือ โรงงานได้อย่างยั่งยืน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

แนวคิดเรื่องรหัสสีของลังกระจายสินค้าในบทความนี้สังเคราะห์จากงานวิจัยและคู่มือการปฏิบัติงานจากหลายแหล่ง เช่น ระบบ HACCP, 5S/Lean, มาตรฐานการจัดการของเสีย และโลจิสติกส์อุตสาหกรรม:

เลือกลังกระจายสินค้าให้ถูกต้อง ตามสี

CBL 230 — สีเขียวอ่อน
งานเกษตร/ร้านผักผลไม้ มองสีแล้วรู้ทันทีว่าเป็นโซน “ของสด”
สั่งซื้อสีเขียวอ่อน
CBL 230 S — สีแดง
แยกงานเร่งด่วน/สินค้าอ่อนไหว ให้ทีมเห็นเด่นชัด
สั่งซื้อสีแดง
CBL 230 S — สีเหลือง
หมวดวัตถุดิบแห้ง/อุปกรณ์ ใช้สีช่วยกันสับสน
สั่งซื้อสีเหลือง
CBL 230 — สีดำ
งานคลัง/อุตสาหกรรม ดูแลรักษาง่าย คราบไม่เด่น
สั่งซื้อสีดำ
CBL 230 S — สีม่วง
สีเฉพาะกิจ แยกสินค้าพิเศษ/โซน QC ให้เด่นชัด
สั่งซื้อสีม่วง
CBL 230 — สีน้ำเงิน
เหมาะกับโซนแช่เย็น/สินค้าอุณหภูมิควบคุม แยกสีชัดเจน
สั่งซื้อสีน้ำเงิน

ช่วยประหยัดพื้นที่

ฐานมาตรฐาน + ซ้อนนิ่ง = ความหนาแน่นต่อชั้นสูงขึ้น และ แพ็กเต็มพาเลทได้จริง ทั้งบนรถและในคลัง ลดเที่ยววิ่งขากลับที่เปลืองพื้นที่ “ลังเปล่า” และทำให้โซนรับ-จ่ายของโล่งขึ้น เห็นประโยชน์ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เริ่มใช้

พร้อมอัปเกรดพื้นที่ของการขนส่งแล้วหรือยัง? เลือกสี เลือกรุ่น แล้วเริ่มจัดระเบียบการขนส่ง/คลัง ให้ “พื้นที่” กลับมาทำเงินให้มากขึ้นประหยัดต้นทุนกว่าเดิมแน่นอน

อ่านต่อเรื่องน่ารู้ในศรีไทย ซุปเปอร์แวร์

รวมลิงก์บทความจากเว็บไซต์ทางการ Srithai Superware สำหรับศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

 

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสาร