พาเลทพลาสติก และ ไม้ ใช้งานแตกต่างกันอย่างไร ใช้อะไรดี?

พาเลทพลาสติก และ ไม้ ใช้งานแตกต่างกันอย่างไร ใช้อะไรดี?

เพราะพลาเลทไม่ใช่แค่แท่นวางสินค้า แต่เป็นไอเทมชิ้นหนึ่งไว้สำหรับเก็บสินค้ารวมถึงขนส่งของโรงงาน และ ร้านค้าขายส่งต่างๆ โดยปัจจุบันมีการพูดถึง พาเลทพลาสติก และ ไม้ ถึงควมแตกต่างกัน ในการใช้งาน ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว การพิจารณาเลือกพาเลทชนิดใด "ดีกว่า" จึงต้องมีการเปรียบเทียบการใช้งานเป็นหลัก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อ และการบำรุงรักษาอีกด้วย

คำนวณต้นทุน ตลอดอายุการใช้งาน แบบ Total Cost of Owership

ตารางที่ 1: การเปรียบเทียบสมบัติหลัก — พาเลทไม้ vs. พาเลทพลาสติก
เกณฑ์การเปรียบเทียบ พาเลทไม้ (Wooden Pallets) พาเลทพลาสติก (Plastic Pallets)
ต้นทุนเริ่มต้น (Upfront Cost) ต่ำที่สุด (Low Initial Cost) สูงกว่า (High Initial Cost)
อายุการใช้งานเฉลี่ย สั้น (ต้องเปลี่ยนบ่อย, RSL ≈ 10 เที่ยว) ยาวมาก (10+ ปี หรือ 80 เที่ยว+)
ต้นทุนรวมต่อปี (TCO) สูงกว่า ต่ำกว่า
ความสม่ำเสมอของขนาด (Uniformity) ต่ำ (ขาดความสม่ำเสมอทางโครงสร้าง) สูง (แม่นยำ)
สุขอนามัย/ความสะอาด ดูดซับความชื้น/เชื้อโรค, ทำความสะอาดยาก ถูกสุขอนามัยสูงสุด, ต้านทานเชื้อรา (Non-Porous)
การส่งออกระหว่างประเทศ (ISPM 15) ต้องบำบัดความร้อน/รมยา (Required) ได้รับการยกเว้น (Exempt)

 

  การตัดสินใจด้านการใช้พาเลท สำหรับการขนส่ง หรือ Logistic นั้น ต้องประเมินจากต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งานของสินทรัพย์ (TCO) ไม่ใช่เพียงราคาซื้อในวันแรกเท่านั้นด้วย ซึ่ง ความทนทานและประสิทธิภาพของพาเลทพลาสติกช่วยชดเชยต้นทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าได้เร็วกว่า

แต่พาเลทไม้ เป็นตัวเลือกสำหรับบริษัทฯ ที่มีงบประมาณน้อยกว่า เพราะมีราคาเริ่มต้นในการซื้อต่ำกว่า ในทางตรงกันข้าม พาเลทพลาสติกมีราคาต่อชิ้นสูงกว่า ซึ่งอาจเป็นหลักหลายพันบาทเลยทีเดียว

แต่เมื่อเราเอามามองในด้านการใช้งาน หากมีการนำพาเลทกลับมาใช้ซ้ำ พาเลทพลาสติกมักจะถึงจุดคุ้มทุน (Break-Even Point) ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ยหลังจากการใช้งานเพียง 5 ถึง 6 เที่ยว. เมื่อดูในแง่ของค่าใช้จ่ายรายปีตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งรวมถึงค่าซ่อมแซมและเปลี่ยนใหม่ ตัวพาเลทไม้ มีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท ต่อปี ในขณะที่พาเลทพลาสติกมีค่าใช้จ่ายรวมที่ต่ำกว่ามาก คือประมาณ 100-200 บาท ต่อปี. ความแตกต่างของต้นทุนรายปีที่ต่ำลงถึง 40% นี้ แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในพาเลทพลาสติกที่มีราคาสูงในช่วงแรก จะทำให้สามารถประหยัดกว่าได้ในระยะยาวเลยทีเดียว

อ้างอิง inboundlogistics.com | mugele.com

ความถึกทน อายุการใช้งาน ของพาเลทแต่ละแบบ

ความแตกต่างที่เห็นชัดที่สุดคือความทนทานและอายุการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างมาก พาเลทพลาสติกที่ใช้ในระบบคลังสินค้าสามารถใช้งานได้ นานกว่า 10 ปี. การวิเคราะห์เปรียบเทียบพบว่า พาเลทพลาสติกบางประเภทมีความสามารถในการรองรับการเดินทาง (Reference Service Life - RSL) ได้ถึง 80 เที่ยว ซึ่งมากกว่าพาเลทไม้ทั่วไปที่สามารถรองรับได้ประมาณ 10 เที่ยว เท่านั้น

ลองนึกภาพกันดูว่า หากต้องใช้พาเลทในการขนส่ง 1,000 เที่ยว อาจต้องเปลี่ยนพาเลทไม้มากถึง 99 ครั้ง ในขณะที่ต้องเปลี่ยนพาเลทพลาสติกเพียง 12 ครั้งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม แม้พาเลทไม้มีข้อดีที่สามารถซ่อมแซมได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ  แต่ความจำเป็นในการซ่อมแซมจะเริ่มถี่ขึ้นและการที่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยครั้ง อาจทำให้มีต้นทุนแฝง

น้ำหนักของพลาสติก เบากว่าไม้ 

พาเลทพลาสติกมีน้ำหนักเบากว่าพาเลทไม้ถึง 35% เลยทีเดียว น้ำหนักที่เบากว่านี้ทำให้การจัดการง่ายขึ้น  ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุของพนักงาน รวมถึงด้วยตัวของพลาสติกจะเป็นผิวเรียบ ไม่มีเสี้ยนเหมือนไม้ ไม่มีตะปู ด้วย ซึ่งจะได้เปรียบในการขนส่งแบบ Air Freight หรือการขนส่งทางอากาศ

การรับน้ำหนัก ไม้อาจทำได้ดีกว่า

สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักมาก พวกโรงงานผลิตขนาดใหญ่ พาเลทไม้ยังเป็นตัวเลือกที่นิยมมากกว่า เพราะสามารถปรับแต่งความแข็งแรงของไม้ ได้ตามความต้องการ ซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 1-4 ตันเลยทีเดียว (อ้างอิงการรับน้ำหนัก พาเลทไม้จาก litco.com)

การขนส่งระหว่างประเทศ พาเลทพลาสติกเหมาะสมกว่า

มาตรฐานสากลว่าด้วยมาตรการสุขอนามัยพืชฉบับที่ 15 (ISPM 15)  กำหนดให้บรรจุภัณฑ์ไม้ รวมถึงพาเลทไม้ ที่ใช้ในการขนส่งระหว่างประเทศ ต้องผ่านการบำบัดเพื่อฆ่าศัตรูพืชและเชื้อโรค. โดยทั่วไปคือการบำบัดด้วยความร้อน (Heat Treatment) การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้อาจทำให้สินค้าประสบปัญหา "ความล่าช้าที่ศุลกากร" หรือถูกปฏิเสธการนำเข้า ดังนั้น พาเลทไม้จึงมีความเสี่ยงเรื่องนี้มากกว่า และเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง Sensitive

อ้างอิงมาตรการจาก universalpallets.com 

ในขณะที่ฝั่งพาเลทพลาสติก จะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนด ISPM 15 ข้อได้เปรียบทางกฎหมายนี้ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดความซับซ้อนในการขนส่งข้ามพรมแดน  โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเอกสารรับรอง, การติดตราประทับ, หรือความล่าช้าที่ด่านศุลกากร ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพาเลทได้ รวมถึง ลดขั้นตอนทำให้สามารถส่งสินค้าได้เร็วกว่า

พาเลทพลาสติก ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ (Srithai Superware Plastic Pallet)

พาเลทพลาสติกคุณภาพสูงจาก ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ ผลิตจากวัสดุพลาสติกเกรดอุตสาหกรรม มีความแข็งแรง ทนทาน และได้มาตรฐานสำหรับงานขนส่งและคลังสินค้า เหมาะกับการใช้งานในโรงงาน คลังสินค้า และอุตสาหกรรมส่งออกที่ต้องการความปลอดภัยและความสะอาด

รุ่น TP-25 (Returnable) TP-23N (One Way)
ขนาด (Size) 1,000 × 1,200 × 170 mm 1,100 × 1,100 × 120 mm
ลักษณะ (Application) Single Deck, 4-way entry, Non-reversible Double Deck, 4-way entry, Non-reversible
การใช้งาน (Function) Light Duty Export
น้ำหนักรับสูงสุด (Static Load) 4,500 kg 4,500 kg
น้ำหนักเคลื่อนย้าย (Dynamic Load) 1,500 kg 1,500 kg
รับน้ำหนักบนชั้นวาง (Racking Load) 500 kg ไม่แนะนำ
วัสดุ (Material) HDPE (ทนแรงกระแทกสูง, อายุการใช้งานยาว) PP (น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับส่งออก)
จุดเด่นของพาเลทพลาสติก ศรีไทย:
ทนแดด ทนฝน และสารเคมี ไม่ผุหรือเกิดสนิม
ใช้งานได้ทั้งในโรงงานและพื้นที่เปียกชื้น
รองรับงาน Forklift, Handlift ได้ทุกทิศทาง (4-way entry)
พื้นผิวเรียบ ปลอดภัยต่อสินค้าประเภทอาหารและยา ใช้งานซ้ำได้ยาวนาน ลดต้นทุนระยะยาว

อ่านต่อเรื่องน่ารู้ในศรีไทย ซุปเปอร์แวร์

รวมลิงก์บทความจากเว็บไซต์ทางการ Srithai Superware สำหรับศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

 

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสาร