เก้าอี้พลาสติกเป็นเฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ สามัญประจำบ้าน ร้านอาหาร และสถานที่พักคอย ที่พบเห็นได้แทบทุกที่ ด้วยคุณสมบัติเด่นเรื่องน้ำหนักเบา ราคาเข้าถึงง่าย และมีสีสันหลากหลาย ราคาไม่แพง แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจซื้อ หลายคนมักเกิดคำถามคาใจว่า ระหว่างการลงทุนซื้อเก้าอี้พลาสติก "มือหนึ่ง" สภาพใหม่แกะกล่อง กับการเลือกซื้อ "มือสอง" ในราคาที่ย่อมเยา แบบไหนจะ "คุ้มค่า" มากกว่ากัน?
เพื่อหาคำตอบว่าเก้าอี้แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน เราจะมาเปรียบเทียบกันใน 3 ประเด็นหลัก ทั้งเรื่องเงินในกระเป๋า ความแข็งแรงทนทาน และหน้าตาความสวยงาม
ราคาถือเป็นด่านแรกที่หลายคนให้ความสำคัญ ซึ่งความแตกต่างระหว่างเก้าอี้มือหนึ่งและมือสองนั้นชัดเจน คำว่า "มือหนึ่ง" ไม่ได้มีราคาเดียว แต่มีช่วงราคาที่กว้างมาก ขึ้นอยู่กับคุณภาพและดีไซน์ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก
สำหรับพวกเก้าอี้มือสอง ราคาจะถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด เก้าอี้พลาสติกพื้นฐานมือสองอาจมีราคาเพียงตัวละ 70 - 80 บาท หรือหากเป็นรุ่นที่มีดีไซน์หน่อยก็อาจอยู่ที่ประมาณ 800 บาท ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเป็นการประหยัดเงินได้ถึง 50-70% เมื่อเทียบกับของใหม่ในรุ่นเดียวกัน
ความแข็งแรงคือหัวใจสำคัญของเก้าอี้ แต่สำหรับเฟอร์นิเจอร์พลาสติกแล้ว มีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานโดยตรง นั่นคือ "แสงแดด"
รังสียูวี (UV) ในแสงแดดคือตัวการสำคัญที่ทำลายโครงสร้างโมเลกุลของพลาสติก ทำให้พลาสติกเสียความยืดหยุ่นและเปราะบาง สัญญาณที่มองเห็นได้คือสีที่ซีดจางลง ผิวสัมผัสที่เริ่มเป็นฝุ่นคล้ายแป้ง และท้ายที่สุดคือการแตกร้าวได้ง่ายเมื่อมีแรงกดทับ เช่นทิ้งตัวลงนั่ง (อ้างอิง Sciencedirect.com)
อายุของเก้าอี้ มักจะถูกกำหนด ด้วยคุณภาพพลาสติก ที่ใช้ในการผลิต เช่น เก้าอี้พลาสติกเกรด A มักทำจากเม็ดพลาสติกใหม่ (Virgin Polypropylene) ที่มีความหนาและน้ำหนักมากกว่า ถูกออกแบบมาให้ยืดหยุ่นและทนทานสูง โดยทั่วไปสามารถทนแดดได้นานอย่างน้อย 1 ปีโดยไม่กรอบแตก และทนความร้อนได้ถึง 70 องศาเซลเซียส หากใช้งานและจัดเก็บในที่ร่มอย่างเหมาะสม อาจมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 8 ปีหรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นเก้าอี้มือหนึ่งก็สามารถใช้งานกันได้ยาวๆไปเลย
แต่เก้าอี้มือสองที่ถูกใช้งานในบ้านมาตลอดหลายปีอาจยังคงมีโครงสร้างที่แข็งแรงสมบูรณ์เกือบ 100% ในทางกลับกัน เก้าอี้มือหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้กลางสวนตลอดฤดูร้อนเพียงแค่ฤดูกาลเดียว ก็อาจเสื่อมสภาพลงอย่างหนักแล้ว แม้ภายนอกจะยังดูใหม่ก็ตาม
ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการซื้อของมือสองจึงไม่ใช่รอยแตกที่มองเห็น แต่เป็น "ความเสื่อมที่มองไม่เห็น" จากการเสื่อมสภาพของเนื้อพลาสติก
เก้าอี้ตัวหนึ่งอาจดูสมบูรณ์ดี แต่แท้จริงแล้วอาจอยู่ในภาวะพร้อมที่จะแตกหักได้ทุกเมื่อจากการตากแดดเป็นเวลานาน ดังนั้น การตรวจสอบสภาพด้วยตนเองจึงไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย ของเก้าอี้ตัวนั้น การลองกด ลองโยก การสังเกตสีที่ซีดจาง และการฟังเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด คือขั้นตอนสำคัญในการประเมินความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงการได้ของที่หมดสภาพการใช้งานมาแล้ว
สรุปสั้น: ถ้าต้องการความทนทาน–สีสวยตามธีม เลือกมือหนึ่ง (เกรด A); ถ้าต้องการประหยัดและใช้งานชั่วคราว มือสองตอบโจทย์ แต่ควรตรวจรอยร้าว จุดกรอบ และความมั่นคงของขาก่อนซื้อทุกครั้ง
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าระหว่างเก้าอี้พลาสติกมือหนึ่งกับมือสอง แบบไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองทางเลือกต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป เก้าอี้มือหนึ่งซื้อมาก็ไม่ได้ต้องคิดอะไรมาก เพราะมีตัวเลือกที่หลากหลาย และความสบายใจ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่า ในขณะที่เก้าอี้มือสองมอบความประหยัดขั้นสุดและเป็นมิตรต่อโลก แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและต้องอาศัยความใส่ใจในการตรวจสอบ
ทิปสั้น ๆ: ถ้าต้องใช้งานหนัก/กลางแจ้งยาว ๆ ให้เอนเอียงไป “ทีมมือหนึ่งเกรด A”; ถ้าใช้ชั่วคราว/งบจำกัดและพร้อมตรวจสภาพเอง “ทีมมือสอง” ประหยัดกว่า
แม้การเลือกเก้าอี้มือหนึ่งหรือมือสองจะไม่ได้ยุ่งยาก แต่การเลือกสินค้าที่มีคุณภาพและมีแบรนด์อย่าง Superware ทำให้มั่นใจได้ในความทนทาน สวยงาม ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมบริการ สั่งซื้อออนไลน์ ส่งฟรีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
รุ่น CH-50 พลาสติก PP เกรด A แข็งแรงทนแดดฝน ขนาด 48x50x80 ซม. วางซ้อนได้ เหมาะกับร้านอาหารและงานเลี้ยง
สั่งซื้อเก้าอี้รุ่น CH-50รุ่น CH-67 (GIAVA) สีน้ำตาล มีเท้าแขน นั่งสบาย พลาสติกเกรด A ขนาด 46x58x90 ซม. ใช้ได้ทั้งในบ้านและร้านอาหาร
สั่งซื้อเก้าอี้รุ่น CH-67รุ่น CH-68/A ขนาด 40.5x36x47 ซม. พลาสติกเกรด A วางซ้อนได้ มีให้เลือก 3 สี: ขาว, น้ำตาล, เทา
สั่งซื้อเก้าอี้รุ่น CH-68/A
รวมลิงก์บทความจากเว็บไซต์ทางการ Srithai Superware สำหรับศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม